อาการถังแตกมันเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าคุณจะคาบช้อนเงินช้อนทองมาตั้งแต่เกิด หรือว่าเป็นคนธรรมดาเดินดินกินข้าวเช่าบ้านแบบผม ถ้าบริหารการใช้จ่ายไม่ดีก็มีสิทธิ์ช็อตได้เหมือนกันนะครับ ไอ้กระผมมันก็ผ่านชีวิตลุ่มๆดอนๆ บางทีก็มีกินซะเหลือเฟือ บางทีก็ต้องรัดเข็มขัดสุดชีวิต ตามประสานักรังสีเทคนิคธรรมดาๆคนหนึ่ง อย่างที่ผมเคยบอกไว้ว่าอาศัยแค่เงินเดือนอย่างเดียวรวยยากครับ แต่มันก็ไม่อดตายเท่านั้นเอง
เมื่อก่อนตอนที่ผมเพิ่งเรียนจบมาใหม่ๆยังไม่ค่อยเข้าใจโลกมากนัก เวลาผมได้ข่าวว่ามีเพื่อนๆ หรือรุ่นพี่เลิกประกอบวิชาชีพ ไปทำอย่างอื่น เช่น ธุรกิจส่วนตัว ธุรกิจขายตรง ฯลฯ ผมจะรู้สึกหดหู่ใจทุกครั้ง เพราะคิดว่าบุคคลากรด้านรังสีเทคนิคมันก็มีไม่ค่อยจะพออยู่แล้ว กว่าจะได้นักรังสีฯสักคนที่มีความรู้ความชำนาญ เพียงพอในการทำงาน มันใช้ต้นทุนไม่ใช่น้อยๆ ยิ่งผู้ที่เป็นระดับผู้ชำนาญการ ไม่ใช่ว่าจะสร้างกันได้ในข้ามคืน ความรู้สึกลึกๆในใจของผมก็อดเสียดายไม่ได้ เพราะท่านเหล่านั้นยังสามารถสร้างประโยชน์ให้กับประเทศได้อีกมากมาย แต่ก็ต้องมายุติเส้นทางในวิชาชีพก่อนเวลาอันสมควร
ด้วยความด้อยประสบการณ์ผมจึงไม่ทันได้คิดถึงเหตุผลที่เขาเหล่านั้น ตัดสินใจเลิกประกอบวิชาชีพ แล้วหันมาทำอย่างอื่น ความคิดอันคับแคบของผมในช่วงนั้นมันบดบังปัญญา(ที่ไม่ค่อยจะมี)ของผมจนหมด พลอยทำให้แอนตี้พวกที่หันหลังให้อาชีพรังสีเทคนิคทุกคน คิดว่าพวกเขาละทิ้งอาชีพที่ทรงเกียรตินี้ได้อย่างไรกัน พวกเขาเห็นแก่เงินมากกว่าอุดมการณ์ในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ล่ะสิ
จนกระทั่งมาวันหนึ่งผมได้พบมีโอกาสพบกับนักปฏิบัติธรรมท่านหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ท่านได้บวชเป็นพระไปแล้วครับ ผมได้เล่าความรู้สึกที่ผมมีเกี่ยวกับเรื่องที่มีคนที่ผมรู้จักหลายท่านได้เลิกประกอบวิชาชีพ แล้วหันไปทำธุรกิจส่วนตัวแทน ท่านก็อุตส่าห์ฟังผมบ่นจนจบ แล้วท่านก็บอกว่า "นี่ เธอคิดว่าถ้าไม่ทำอาชีพนี้ แล้วพวกเขาจะทำประโยชน์ให้ประเทศไม่ได้หรือไงกัน เธอยังไม่รู้ถึงเหตุผล และความจำเป็นของพวกเขา แต่เธอเอาความรู้สึกของเธอไปตัดสินความดีความชั่วของคนอื่นโดยที่ไม่มีข้อมูลอะไรเลย ได้อย่างไร"
จากนั้นท่านก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แล้วพวกเราก็คุยกันเรื่องอื่นต่อไป แต่พอตกดึกคืนนั้นผมนอนไม่หลับเลยครับท่าน เพราะคิดถึงคำพูดของท่านอาจารย์ นี่ผมตัดสินคนอื่นโดยใช้แค่ความรู้สึกส่วนตัวเท่านั้นเองหรือเนี่ย โอ๊ย....นี่เราเป็นอะไรไปเนี่ย... แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังทำใจยอมรับไม่ได้อยู่ดี
ผ่านมาอีกหลายปี ความคิดของผมก็เปลี่ยนไป อย่างว่าล่ะครับ เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน การที่เราได้เห็นสิ่งตางๆผ่านเข้ามาในชีวิตมากขึ้นทำให้ผมเข้าใจคำพูดของพระอาจารย์ท่านมากขึ้น หลายคนที่ผมรู้จักแม้ไม่ได้ประกอบวิชาชีพรังสีเทคนิคแล้ว ก็ยังทำงานเพื่อสังคม และทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมอยู่เสมอ ผมเริ่มเข้าใจ คำกล่าวที่ว่า "ธรรมะ คือ การทำหน้าที่" มากขึ้น ทำให้รู้ว่าทุกคนสามารถทำประโยชน์ได้ทั้งนั้นไม่ว่าจะอยู่ในฐานะอะไร ขอเพียงทำหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุด ก็เป็นการสร้างคุณงามความดีแก่เพื่อนมนุษย์เช่นกัน
หลายท่านอ่านมาถึงตรงนี้อาจจะงงว่า เฮ้ย นี่มันคนเดียวกันกับคนที่เขียนเรื่องก่อนหน้านี้หรือเปล่า 555 คนเดียวกันครับ ชีวิตก็อย่างนี้แหล่ะมีสาระเป็นบางเวลา ไร้สาระเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ยังไงก็ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่านโชคดี มีเงินใช้ เด้อ
วันพฤหัสบดีที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2553
ทำไงดี ช่วงนี้ถังแตก
Related Posts:
ทำไงดี ช่วงนี้ถังแตก อาการถังแตกมันเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าคุณจะคาบช้อนเงินช้อนทองมาตั้งแต่เกิด หรือว่าเป็นคนธรรมดาเดินดินกินข้าวเช่าบ้านแบบผม ถ้าบริหารการใช้จ่ายไม่ดีก็มีสิทธิ์ช็อตได้เหมือนกันนะครับ ไอ้กระผมมันก็ผ่านชีวิตลุ… Read More
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น