Comments system

[blogger][disqus][facebook]

วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

การทำงานในยุค 5 g

    


     ทุกวันนี้ระบบงานรังสีเกือบทั้งหมด เป็นการทำงานบนคอมพิวเตอร์ ทั้งระบบการลงทะเบียน การสร้างภาพ การประมวลผล และการจัดเก็บข้อมูล ซึ่งสร้างปัญหาพอสมควรสำหรับ คนยุคเก่าแบบผม โชคยังดีที่น้องๆในแผนกมีความรู้ความเข้าใจในการใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี งานบริการผู้ป่วยเลยไม่ค่อยมีปัญหาอะไรมากนัก 

    การทำงานในยุคนี้ต่างไปจากสมัยที่ผมเรียนจบมาใหม่ๆค่อนข้างมาก เทคโนโลยี่ก็พัฒนาไปไวมากๆ เช่นมีซอฟแวร์ในการแก้ไข motion artifact เวลาที่คนไข้ไม่อยู่นิ่งๆ ซึ่งสมัยก่อนมันแค่ช่วยได้ระดับหนึ่ง แค่ไม่ให้ภาพมันน่าเกลียดเกินไปจนแพทย์ดูไม่รู้เรื่อง แต่สมัยนี้มันแก้ไขได้จนภาพเนียนกริบ จนผมเองยังตกใจที่เห็นครั้งแรก ก็ได้แต่ดีใจที่คนไข้ก็จะได้รับการวินิจฉัยที่ดีขึ้น เจ้าหน้าที่ก็ไม่ต้องเหนื่อยมาก และไม่ต้องหงุดหงิดเวลาต้องตรวจคนไข้ซ้ำๆ 

    ผมเองก็ต้องยอมรับว่าหลายๆอย่างเริ่มตามน้องๆรุ่นใหม่ไม่ทันล่ะ แต่ก็มีความสุขที่เห็นความก้าวหน้าของวิชาชีพรังสีเทคนิค และก็รู้สึกสนุกกับการทำงานมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนมีอะไรมาให้เราเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา

วันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2564

การตัดสินใจครั้งสำคัญ

    


     ชีวิตคนนี่มันก็แปลก หาความแน่นอนอะไรไม่ได้เลยจริงๆ ผมเองเคยคิดอยู่เสมอว่าเราคงทำอาชึพ นักรังสีเทคนิด ที่เรารักนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะเกษียร และคงใช้ชีวิตหลังเกษียรที่ท้องไร่ท้องนา อยู่กับธรรมชาติ ปลูกผักเลี้ยงปลาไปตามประสา 

      แต่เอาเข้าจริงๆมันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เนื่องจากการทำงานหนัก และพักผ่อนน้อยมาเป็นเวลานาน ทำให้ร่างกายเริ่มจะไปไม่ไหว ช่วงปีสองปีมานี้ผมมีอาการหน้ามืด เป็นลม บ่อยมากๆ จนกระทั้งในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี้ ผมมีอาการชาแขน ขา และใบหน้าซีกซ้าย ตอนแรกคิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไรมาก คงเกิดจากการพักผ่อนน้อย แต่ผ่านไป 3 วันอาการยังไม่ดีขึ้น แถมเริ่มมีอาการชาที่ลิ้น จนพูดไม่ค่อยชัด แฟนผมเห็นท่าไม่ดี เลยบังคับให้ผมเข้ารับการตรวจกับแพทย์ ผลออกมาว่าผมเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบตันแบบชั่วคราว และคุณหมอก็ให้กินยา แอสไพริน ตลอดชีวิต เพื่อป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดสมอง นอกจากนี้ยังต้องงดการทำงานหนัก และการนอนดึก แต่ที่แย่มากๆคือต้องงดกาแฟ เพื่อไม่ให้อาการรุนแรงไปกว่าเดิม 

     สุดท้ายผมและแฟนก็ปรึกษากัน ได้ข้อสรุปว่า ผมต้องลาออกจากงานประจำเพื่อมาพักรักษาตัวก่อน ยอมรับว่าเป็นการตัดสินใจที่ยากมากๆ เพราะผมเองก็ไม่เคยทำอย่างอื่นนอกจากงานประจำเลย(แค่ทำงานประจำอย่างเดียวก็จะไม่มีเวลานอนอยู่แล้ว) ไหนจะเรื่องค่าใช้จ่ายในครอบครัว หนี้บัตรเครดิต หนี้บ้าน หนี้รถ จะเอายังไง ผมกับแฟนคุยกันหนักมากเรื่องนี้ สุดท้ายยังไงก็ต้องลาออกอยู่ดี เพราะไม่อย่างนั้นผมก็มีโอกาสสูงที่จะเสียชีวิตหรือพิการจากหลอดเลือดในสมองแตก 

     หลังจากปรึกษากับผู้ใหญ่หลายๆท่าน ท่านก็แนะนำให้พักก่อน รักษาตัวให้หายดีก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง การตัดสินใจลาออกจากงานประจำครั้งนี้ ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่สำคัญมากๆกับชีวิตผมและครอบครัว แต่ถ้าเรายังมีชีวิตอยู่เราก็ยังมีโอกาสทำอะไรอีกเยอะครับผม

วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ฮีโร่สมัยเด็กของผม พูลศักดิ์ เพิ่มทรัพย์

     ตอนเด็กๆผมชอบเล่นกีฬาเอามากๆ เรียกว่าเล่นมากกว่าเรียนอีก กีฬาที่ชอบมากเป็นพิเศษคือตะกร้อ เพราะมันเล่นยาก ท้าทาย สนุกมาก เสียแต่ว่าสาวๆไม่ค่อยกรี๊ด พวกเธอจะชื่นชอบนักบาส นักฟุตบอล หรือนักวอลเลย์มากกว่า ผมก็ไม่รู้ว่าที่โรงเรียนอื่นจะเป็นเหมือนกันมั้ย แต่ที่โรงเรียนผมสมัยนั้นคนเล่นตะกร้อนี่ต้องใจรักจริงๆ เพราะไม่มีสปอนเซอร์อะไรเลย สาวก็ไม่แล แดดก็ร้อน

     แต่สำหรับผม ตะกร้อมันเป็นกีฬาที่สนุกมาก ความรู้สึกที่ได้ลอยตัวฟาดตะกร้อ มันเป็นอะไรที่วิเศษมาก มันเหมือนเราเป็นอิสระจากแรงโน้มถ่วงโลก เวลาก็เหมือนจะเดินช้าลงยังไงไม่รู้ ความรู้สึกนี้ถ้าใครเคยสัมผัสน่าจะเข้าใจดีนะครับ

     ตอนนั้นผมมีฮีโร่ที่ชอบมากๆ คือ พูลศักดิ์ เพิ่มทรัพย์ ตัวฟาดระดับตำนานของไทย ท่าฟาดของพี่เค้าสุดยอดมาก เป็นการพลิกตัวเตะตรงๆเลย  เป็นท่าเตะที่ผมชอบมากและพยายามฝึกเตะอยู่เกือบ 3 ปี ถึงจะทำได้ แต่ก็ยังควบคุมทิศทางไม่ค่อยดี คนที่เตะท่าแบบนี้ในปัจจุบันที่เห็นท่าฟาดใกล้เคียงกับ พูลศักดิ์ เพิ่มทรัพย์ ก็คือ ทวีศักดิ์ ทองสาย  จังหวะการขึ้นฟาด และการทิ้งน้ำหนักตัวในการเตะ ค่อนข้างใกล้เคียงกัน

     เอาตัวอย่างมาให้ดูครับ อันนี้ของพูลศักดิ์ เพิ่มทรัพย์ ภาพเก่านิดหน่อย ขอบคุณเจ้าของช่องด้วยนะครับที่อุตส่าห์หามาให้ดูกันได้



     คลิปนี้ตอนเลิกเล่นทีมชาติไปแล้วยังเทพเหมือนเดิม


     อันนี้ของทวีศักดิ์ ทองสาย ครับ ลองเทียบดูค่อนข้างใกล้เคียงกันนะครับ

วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2561

เชียร์วงนี้ละกัน Fool Step

     พอดีช่วงนี้แฟนชอบเปิด Hotwave Music Awards 2018 ให้ดูบ่อยๆ เป็นการประกวดที่ผมเองก็ชอบดูมากเลย ได้เห็นเด็กรุ่นนี้เอาเพลงยุค 90 มาเล่น มันได้ความรู้สึกใหม่ๆ ไม่เหมือนดนตรีสมัยก่อน แต่ก็มันส์ไปอีกแบบ พอดีไปสะดุดตากับวง Fool Step ครับ แหม่ มันหน้าตาดีแถมเล่นดนตรีเก่งอีกต่างหาก ฟังพวกเขาเล่นแล้วมันมีความสุข รู้สึกได้ถึงคอสโม่ของเด็กหนุ่ม(ที่ผมไม่ได้รู้สึกถึงมันมานานมากแล้ว) จนอยากจะจับกีตาร์มาเล่นอีกซักครั้งจริงๆ

     ลองดูครับเพลง ทางเดินแห่งรัก ของพวกเขา หลับตาฟังยังเพราะเลย

วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2561

สังคมยุค 4.0

     
รูปนี้โคตรได้ฟิลเลย ใครรู้ที่มาบอกผมด้วยจะไปขอบคุณเค้า
         ทุกวันนี้มองไปทางไหนก็มีแต่คนก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ บางทีนั่งอยู่ด้วยกันตั้งหลายคนแต่ไม่มีใครคุยกันซักคำ ทุกคนต่างอยู่ในโลกของตัวเอง มันคงเป็นวิถีชีวิตของคนยุคนี้ ที่คนเริ่มจะแก่แบบผมก็ต้องยอมรับมัน ผมเองก็ชอบนะบางทีขี้เกียจคุยกับใครก็เล่นมือถือแม่มเลย จะได้ไม่มีใครมายุ่งกับตรู เออเนาะเอาจริงๆมันก็มีประโยชน์เหมือนกันนะเนี่ย

     จริงๆแล้วผมก็ไม่ค่อยสนใจอะไรใครนะ ใครจะเล่นมือถือดูเว็บ ฟังเพลง ดูหนัง เล่นเกมส์ หรือจะทำอะไร มันก็แล้วแต่เค้า เพียงแต่ผมรำคาญพวกดูมือถือไม่เป็นเวลา บางคนแยกไม่ออกว่าตอนนี้ควรทำอะไรก่อน-หลัง เพราะมัวแต่พะวงกับหน้าจอมือถือ ยิ่งคนที่ทำงานเกี่ยวกับชีวิตคนแล้ว ยิ่งต้องมีสติในการทำงานอย่างมาก ผมมักจะตักเตือนน้องๆในแผนกหรือน้องๆในโรงพยาบาลว่าให้ดูคนไข้ก่อน ค่อยดูโทรศัพท์ ทำงานให้จบก่อนค่อยเล่นก็ได้ ส่วนใหญ่น้องๆเค้าก็เชื่อฟังดี แต่พอเผลอๆก็เล่นกันเหมือนเดิม 55 สำหรับพวกพี่ๆไม่ต้องบอกเพราะบอกไปก็ไม่ฟัง เอาเป็นว่าอาการหนักกว่าน้องๆอีกแถมว่าไม่ได้ด้วยนะครับ

     แต่ถ้าเราใช้ให้ถูกทางมันก็ช่วยเหลืองานของเราได้เยอะ วันก่อนมีเด็กอายุ 4 ขวบมาเอกซเรย์  เด็กมากับพ่อแม่ แต่ปกติเด็กอยู่กับตายาย ร้องไห้จะไปหาตากับยายท่าเดียว ผมให้ทำอะไรก็ไม่ทำ สุดท้ายแม่เด็กเอามือถือมาวิดีโอคอลคุยกับตายาย เด็กน้อยเห็นหน้าคุณตาคุณยายก็คงหายกลัว สุดท้ายก็ยอมร่วมมือด้วยดี (แต่ที่จริงการถ่ายรูปหรือบันทึกวิดีโอในโรงพยาบาลนั้นมันผิดกฎหมายนะจ๊ะ แต่เพื่อช่วยเด็กเราจำเป็นต้องทำ)

     หลายครั้งที่พลังโซเชียลได้ช่วยชีวิตคนที่ลำบาก คนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือคนที่กำลังได้รับอันตราย ผมว่ามันโอเคนะที่เรามีอะไรแบบนี้ แต่บางทีมันก็เป็นเครื่องมือทำลายคนได้เหมือนกัน ความเร็วในการแพร่กระจายข้อมูลในยุคนี้ มันทำให้ความคิดความเห็นต่างๆมันไหลเข้ามาได้อย่างรวดเร็ว บ่อยครั้งขาดการคัดกรอง กว่าจะรู้ตัวก็เสพข้อมูลเท็จไปซะแล้ว 

     บ่นๆกันไปแต่ชีวิตก็ยังต้องสู้ต่อ เมื่อยังมีลมหายใจก็ยังต้องไปต่อ อย่างน้อยก็เพื่อหัวใจที่มันยังเต้นอยู่ให้รู้ว่าดวงตะวันยังรอคอยฉันอยู่ ในฤดูที่ต่างไป เอ๊ะ คุ้นๆแฮะ 

วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ดูอีสปอร์ตในเอเชียนเกมส์


วันนีี้เป็นวันหยุด ฝนก็ตกได้ทั้งวัน ออกไปไหนก็ลำบาก ผมก็เลยเปิดทีวีดูไปเรื่อยๆ จนไปเจอถ่ายทอดสดกีฬาเอเชียนเกมส์พอดี ดีเหมือนกัน จะได้เชียร์นักกีฬาไทยคว้าชัยชนะ แต่ดูๆไปชักสงสัย นี่มันกีฬาอะไรวะเนี่ย ไม่เห็นมีสนาม กล้องก็ถ่ายแต่นักกีฬานั่งนิ่งๆกดมือถือ พอดูไปซักพักเริ่มเข้าใจละว่านี่มันคือกีฬา E-Sport (พิมพ์ถูกมั้ยเนี่ย) จากนั้นไม่นานลูกชายทั้งสองคน พร้อมกับเพื่อนๆก็มานั่งหน้าจอทีวีกันอย่างพร้อมเพรียง ลูกชายบอกว่าวันนี้ทีมไทยแข่งด้วยนะพ่อ ทางเกมส์เค้าประกาศให้ช่วยกันเชียร์ไทย

เอาวะ ทีมไทยกีฬาอะไรตรูก็ต้องเชียร์ ผมเองก็ยังแปลกใจอยู่ว่าเอากีฬาแบบนี้มาบรรจุในเอเชียนเกมส์ได้ยังไง มันน่าจะแยกต่างหากเป็นรายการของตัวเอง แบบเอเชียน อีสปอร์ตเกมส์ อะไรแบบนั้นมากกว่า แต่ดูไปก็สนกเหมือนกันนะครับ เด็กก็ตะโกนเชียร์กันได้บรรยากาศเหมือนตอนเราเชียร์บอลกับเพื่อนยังไงยังงั้น

เด็กสมัยนี้โชคดีจริงๆนะ รุ่นผมนี่ถ้าใครเล่นเกมส์มากๆก็จะถูกมองว่าเป็นพวกติดเกมส์ ไม่มีอนาคต วันๆจมอยู่แต่หน้าจอคอม(สมัยนั้นเกมส์มือถือยังไม่มีแบบนี้) แต่มาตอนนี้วงการเกมส์ก้าวไปไกลมาก มีการแข่งขันเป็นทางการ มีเงินรางวัลสูงด้วย สมัยผมส่วนใหญมีแต่จัดแข่งตามห้างสรรพสินค้า หรือไม่ก็พวกเดินสายแข่งกินตังค์ ไม่ค่อยมีการแข่งขันที่ได้รับการยอมรับแบบนี้

โลกมันก้าวไปข้างหน้า คนเราก็ต้องก้าวไปเช่นกัน ผมมองว่ามันดีมากเลยนะที่มีการแข่งกีฬาอีสปอร์ตแบบนี้ ผมว่ามันเปิดโอกาสให้คนอีกกลุ่มหนึ่งได้มีพื้นที่แสดงความสามารถ แถมยังสร้างรายได้ และสร้างชื่อเสียงให้ประเทศอีกด้วย

เดี๋ยวไปเล่นฝึกเกมส์กับเด็กๆมั่งดีกว่า โดนลูกชายบ่นว่า พ่อนี่ Noob จริงๆ หัวชักจะอุ่นๆแล้วสิ

วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ถามตอบปัญหาคาใจเกี่ยวกับการเรียนและการทำงานรังสีเทคนิค

     ช่วงนี้มีผู้ปกครองและเด็กนักเรียนมาถามผมเยอะมากเกี่ยวกับเรื่อง การเรียนรังสีเทคนิค ซึ่งมันก็เป็นอย่างนี้เกือบทุกปี เพราะอาชีพแบบผมมันไม่ค่อยมีข้อมูลให้ประชาชนทั่วไปได้ศึกษา มันก็เลยเป็นเหมือนงานลึกลับที่ยากจะเข้าถึง ไอ้เราก็ต้องคอยอธิบายให้ทุกคนเข้าใจ วันนี้ผมเลยรวมคำถามที่โดนถามบ่อยๆมาให้ท่านได้อ่านกัน เผื่อมีใครสงสัยจะได้อ่านเป็นข้อมูลเพิ่มเติมจากความรู้เดิม

    ถาม - รังสีเทคนิคเรียนเกี่ยวกับอะไร
 
    ตอบ - เอาแบบตรงๆเลยนะ เรียนเกี่ยวกับการใช้รังสีกับมนุษย์ ซึ่งประกอบด้วยสามสาขาหลักๆ คือ
1. รังสีวินิจฉัย คือการใช้รังสีเพื่อตรวจวินิจฉัยโรค หรือความผิดปกติในร่างกาย ที่เห็นๆกันทั่วไปคือการเอกซเรย์แบบธรรมดา และการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์
2. รังสีรักษา คือการใช้รังสีปริมาณสูงเพื่อรักษาโรค เช่นการรักษามะเร็งด้วยรังสี การใส่แร่ หรือการฝังแร่
3. เวชศาสตร์นิวเคลียร์ คือการให้สารกัมมันตรังสีเข้าสู่ตัวผู้ป่วยเพื่อตรวจวินิจฉัย หรือรักษาโรค

   ถาม - มีที่ไหนเปิดสอนบ้าง
 
   ตอบ - สำหรับระดับปริญญาตรีตอนนี้มี 5 ที่นะครับ(ที่คณะกรรมการวิชาชีพให้การรับรอง) คือ มหิดล เชียงใหม่ นเรศวร สงขลานครินทร์ และจุฬา นอกจากนั้นไม่มีข้อมูลครับผม

   ถาม - แล้วถ้าเรียนจบแล้วมีงานทำมั้ย

   ตอบ - มีครับทุกวันนี้จำนวนนักรังสีเทคนิค ยังไม่ค่อยจะพอเลยครับ มีโพสหาคนทำงานเกือบทุกวัน เพราะคนที่เรียนจบมาแล้วไม่ทำงานด้านรังสีก็มีไม่น้อยนะครับ บางคนก็ไปเรียนต่อ ไปทำธุรกิจของครอบครัว ไปเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ ไปบวช ไปต่างประเทศ โอ๊ย เยอะครับ ยังไม่นับพวกรุ่นเก่าๆที่เลื่อนตำแหน่งไปทำงานบริหารอีก เรียกว่าอาชีพนี้ไม่ตกงานครับ และจะเป็นอย่างนี้ไปอีกนาน

   ถาม - รายได้ดีมั้ย

    ตอบ - ถ้าทำงานราชการก็เงินเดือนตามวุฒิครับ แต่จะมีรายได้อื่นเช่น ค่าเวร ค่าวิชาชีพ ซึ่งแต่ละที่ก็จะไม่เหมือนกันต้องหาข้อมูลเอาว่าที่ไหนมีค่าพิเศษอะไรบ้าง สำหรับงานเอกชนตอนนี้ไม่น่าต่ำกว่า 20000 บาทสำหรับเงินเดือน(เด็กจบใหม่นะครับ) แต่ถ้าโรงพยาบาลใหญ่ๆก็เยอะกว่านี้แน่นอน มีการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่าค่าตอบแทนของนักรังสีเทคนิคที่ทำงานไปประมาณ 3-5ปีจะมีรายได้ประมาณ 37000 บาทต่อเดือน ซึ่งมันก็แล้วแต่ท่านนะครับว่ามันพอกินพอใช้มั้ย

   ถาม -  จำกัดส่วนสูงกับน้ำหนักมั้ย

   ตอบ - เรียนรังสีนะจ๊ะ ไม่ใช่นางแบบ ถ้าไม่ทุพลภาพจนไม่สามารถปฏิบัติงานได้ มันก็ผ่านหมดล่ะครับ

   ถาม - ไม่ชอบวิชาคำนวน จะเรียนได้มั้ย

  ตอบ - ในการเรียนระดับลึกๆยังไงก็ต้องมีคำนวนแน่นอน แต่มันไม่ได้ยากอะไรมากมายขนาดนั้น ตอนผมเรียนคนชอบวิชาคณิตศาสตร์กับฟิสิกส์ มีไม่ถึง 10 คนด้วยซ้ำ คนไม่ชอบเยอะกว่าอีก แต่ก็จบกันมาได้ทุกคน พอไปทำงานมันก็ไม่ได้คำนวนอะไรมากมาย พวกวิชาสายชีววิทยา จิตวิทยา ยังได้ใช้เยอะกว่าอีกครับ