ชีวิตคนนี่มันก็แปลก หาความแน่นอนอะไรไม่ได้เลยจริงๆ ผมเองเคยคิดอยู่เสมอว่าเราคงทำอาชึพ นักรังสีเทคนิด ที่เรารักนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะเกษียร และคงใช้ชีวิตหลังเกษียรที่ท้องไร่ท้องนา อยู่กับธรรมชาติ ปลูกผักเลี้ยงปลาไปตามประสา
แต่เอาเข้าจริงๆมันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เนื่องจากการทำงานหนัก และพักผ่อนน้อยมาเป็นเวลานาน ทำให้ร่างกายเริ่มจะไปไม่ไหว ช่วงปีสองปีมานี้ผมมีอาการหน้ามืด เป็นลม บ่อยมากๆ จนกระทั้งในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี้ ผมมีอาการชาแขน ขา และใบหน้าซีกซ้าย ตอนแรกคิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไรมาก คงเกิดจากการพักผ่อนน้อย แต่ผ่านไป 3 วันอาการยังไม่ดีขึ้น แถมเริ่มมีอาการชาที่ลิ้น จนพูดไม่ค่อยชัด แฟนผมเห็นท่าไม่ดี เลยบังคับให้ผมเข้ารับการตรวจกับแพทย์ ผลออกมาว่าผมเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบตันแบบชั่วคราว และคุณหมอก็ให้กินยา แอสไพริน ตลอดชีวิต เพื่อป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดสมอง นอกจากนี้ยังต้องงดการทำงานหนัก และการนอนดึก แต่ที่แย่มากๆคือต้องงดกาแฟ เพื่อไม่ให้อาการรุนแรงไปกว่าเดิม
สุดท้ายผมและแฟนก็ปรึกษากัน ได้ข้อสรุปว่า ผมต้องลาออกจากงานประจำเพื่อมาพักรักษาตัวก่อน ยอมรับว่าเป็นการตัดสินใจที่ยากมากๆ เพราะผมเองก็ไม่เคยทำอย่างอื่นนอกจากงานประจำเลย(แค่ทำงานประจำอย่างเดียวก็จะไม่มีเวลานอนอยู่แล้ว) ไหนจะเรื่องค่าใช้จ่ายในครอบครัว หนี้บัตรเครดิต หนี้บ้าน หนี้รถ จะเอายังไง ผมกับแฟนคุยกันหนักมากเรื่องนี้ สุดท้ายยังไงก็ต้องลาออกอยู่ดี เพราะไม่อย่างนั้นผมก็มีโอกาสสูงที่จะเสียชีวิตหรือพิการจากหลอดเลือดในสมองแตก
หลังจากปรึกษากับผู้ใหญ่หลายๆท่าน ท่านก็แนะนำให้พักก่อน รักษาตัวให้หายดีก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง
การตัดสินใจลาออกจากงานประจำครั้งนี้ ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่สำคัญมากๆกับชีวิตผมและครอบครัว แต่ถ้าเรายังมีชีวิตอยู่เราก็ยังมีโอกาสทำอะไรอีกเยอะครับผม
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น