Comments system

[blogger][disqus][facebook]

วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2554

น้ำท่วมของจริง

     เนื่องจากคราวที่แล้วผมเขียนถึงเรื่อง กลับบ้านเจอน้ำท่วม แล้วติดค้างทุกท่านไว้ว่า จะมาเล่าต่อ วันนี้เลยถือโอกาสเล่าต่อนะครับ คือก่อนไปบ้าน ผมไม่คิดว่ามันจะท่วมหนักมาก คิดว่าคงเป็นแบบชิวๆ เหมือนปีก่อนๆ

     แต่พอผมกลับบ้านไปจริงๆพบว่าระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และมาจากทุกทิศทาง เนื่องจากหมู่บ้านของผม จะได้รับน้ำจากแม่น้ำน่านซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออก และแม่น้ำปิงจากทิศตะวันตก เรียกว่าท่วมชัวร์แบบไม่ต้องลุ้นครับ ที่น่าเห็นใจคือชาวนาที่ต้องเร่งเกี่ยวข้าวเพื่อให้ทันก่อนที่จะไม่ได้อะไรเลย ได้ราคาเท่าไหร่ก็ต้องเอาล่ะครับ ช่วงนี้รถเกี่ยวข้าวเป็นอะไรที่ hot มากครับ ทั้งที่หมู่บ้านของผม และหมู่บ้านใกล้เคียงมีรถเกี่ยวข้าวอยู่ประมาณ 80 คัน ก็ยังเกี่ยวข้าวกันไม่ค่อยทันเลยครับ

วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554

กลับบ้านเจอน้ำท่วม

     เนื่องจากช่วงวันหยุดวันแม่ ผมและครอบครัวได้เดินทางกลับเยี่ยมพ่อแม่ ที่ จ. นครสวรรค์ ก่อนไปก็หวั่นใจอยู่เหมือนกัน ว่าจะไปเจอกับน้ำท่วมแล้วจะเดินทางไม่ได้ ต้องคอยโทรเช็คกับพ่ออยู่ทุกวัน เรียกว่าอัพเดทสถานการณ์ล่าสุดกันเลยทีเดียว แต่พ่อก็บอกอยู่ตลอดว่า มันไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่เป็นข่าว พื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมส่วนใหญ่เป็นพื่นที่ซึ่งเคยเป็นหนองน้ำมาก่อน พอมีน้ำจากภาคเหนือเข้ามาถึงก็เลยท่วมอย่างง่ายดาย เพียงแต่สมัยนี้สื่อต่างๆเกาะติดเหตุการณ์มากไปนิดนึง ภาพที่ออกมามันก็เลยดูน่ากลัว (อันนี้เฉพาะเขตบ้านผมนะครับ ที่อื่นท่วมหนักจริงๆ)

วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ดูกันขำๆครับ กับ funny goals

     ปกติผมชอบดูกีฬาอยู่แล้วครับ นอกจากมวยแล้วก็ชอบดูตะกร้อ ฟุตบอล และอเมริกันฟุตบอลครับ ดูอย่างเดียวครับ ไม่ค่อยชอบเล่นพนันเพราะไม่เคยได้เงินซักที เลยไม่เอาดีกว่า ดูเอามันอย่างเดียวก็พอครับ พอดีวันนี้ เปิดดูเว็บ youtube.com ก็ไปจ๊ะเอ๋ กับคลิปอันนี้ ดูแล้วฮาดีครับ แต่ถ้าเกิดกับตัวเองคงขำไม่ออกล่ะครับ

วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เพื่อนรักนักขาย

     วันนี้ผมไปเจอเพื่อนเก่าสมัยมัธยมที่บ้าน ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือเปล่า เพราะมันไปด้อมๆมองอยู่หน้าบ้าน ไอ้ผมก็นึกว่าเป็นขโมยหรือเปล่าหว่า อ้าว... เพื่อนเก่าเรานี่เอง ด้วยความดีใจที่ไม่ได้เจอกันมานานร่วมสิบปี ก็เลยชวนเข้ามากินข้าวกันที่บ้าน จะได้พูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบกัน

     ผมเองรู้สึกแปลกๆที่มันหิ้วกระเป๋าใบใหญ่มาด้วย จากประสบการณ์ส่วนตัวที่ผมโดนหลอกมาเยอะ ทั้งพวกเซลส์ ขายประกัน หรือพวกอาหารเสริม ก็เลยพอจะมีเซนส์อยู่บ้าง เลยลองถามเล่นๆว่า เฮ้ยตอนนี้ -ึง ทำอะไร มีครอบครัวหรือยัง ทีนี้หล่ะครับมาเป็นชุดๆเลย ทั้งแผนการตลาด ทั้งแผนภูมิรายได้อะไรของมันก็ไม่รู้ แถมจะมาสาธิตเครื่องกรองน้ำให้ผมดูอีก โอ้ว..นี่มันพกเครื่องกรองน้ำติดตัวเลยหรือนี่ ผมต้องรีบเบรกไว้ก่อน กลัวว่ามันจะไปกันใหญ่ เอาเป็นว่าเรามากินข้าวแล้วคุยกันดีกว่า

     ระหว่างกินข้าวมันก็ยังไม่หยุด พยายามหาช่องทางขายของอยู่ตลอดเวลา จนพ่อของผมต้องขอตัวไปก่อนเนื่องจาก เพื่อนผมมันพยายามเสนออาหารเสริมอะไรก็ไม่รู้ ช่วยสลายไขมัน ต้านอนุมูลอิสระอีก สำหรับนักรังสีเทคนิคอย่างเราแล้ว ไอ้เจ้าอนุมูลอิสระมันเป็นบทเรียนระดับเบสิค ที่ทุกคนต้องผ่านมาอยู่แล้ว ผมเลยแกล้งถามว่าอนุมูลอิสระคืออะไร และมีผลอย่างไรกับร่างกาย เพื่อนมันก็ตอบอย่าฉะฉานมั่นใจ ราวกับว่าได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีเพื่อตอบคำถามเหล่านี้ ผมถึงกับทึ่งเหมือนกัน เพราะข้อมูลมันแน่นมากๆ แสดงว่าหาข้อมูลมาเป๊ะดีนี่หว่า

     กินข้าวเสร็จมันยังไม่ละความพยายาม ที่จะเอาผมไปเป็นสมาชิกต่อจากมัน ผมเองไม่ค่อยชอบงานแบบนี้ก็เลยปฏิเสธไป มันก็ยังอุตส่าห์บอกว่าพรุ่งนี้จะมาใหม่ และจะพาคนที่ประสบความสำเร็จมาคุยด้วย ผมก็เลยบอกว่า "วันพรุ่งนี่มาได้ไม่เป็นไร แต่เอาเรื่องขายของกับสมัครสมาชิกไว้ที่บ้าน-ึงเลยนะ มาแต่ตัวกับความเป็นเพื่อนเหมือนเมื่อก่อนก็พอ" เพื่อนมันก็ยิ้มแหยๆ แล้วบอกว่า งั้นเราขอตัวก่อนนะ แล้วมันก็ขับรถกลับไปหน้าตาเฉย

     ได้ข่าวจากเพื่อนคนอื่นว่า ไอ้เจ้าเพื่อนคนนี้มันไปหาเพื่อนเก่าทุกคน และทุกคนก็โดนเหมือนกัน บางคนก็ช่วยซื้อของ บางคนก็สมัครช่วยมัน บางคนก็ไล่หนี บางคนถึงกับตัดเพื่อนกันเลยทีเดียว สำหรับผมไม่มีปัญหาอะไรครับ คุยกันได้ แต่แบบเพื่อนนะครับ ได้โปรดอย่ามาเอาผมไปเป็นสมาชิกเลย เว้นไว้ซักคนเถอะ

วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2554

คุยกันชิวๆเรื่องรังนก

     ผมเองก็เป็นคนหนึ่ง ที่ไม่เคยซื้อผลิตภัณฑ์รังนกสำเร็จรูปกับเขาซักที ไม่ว่าจะเอามากินเอง หรือซื้อไปฝากคนอื่น รู้สึกว่ามันแพงเวอร์ ใช้การโฆษณาเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าจนเกินเหตุ อันนี้เป็นความรู้สึกของผมเองอ่ะนะ ยิ่งเห็นผลการวิจัยของท่าน รศ.ดร.ประไพศรี ศิริจักรวาล สถาบันวิจัยโภชนาการ ม.มหิดล ก็ยิ่งมั่นใจว่า นี่ตูไม่ได้รู้สึกไปเองนี่หว่า มันมีคนวิจัยเรื่องนี้แล้วนะครับ ผลงานวิจัยชิ้นนี้บอกว่า รังนก 1 ขวดมีคุณค่าทางโภชนาการเท่ากับนมสดครึ่งช้อนโต๊ะ หรือถั่วลิสง 2 เมล็ด หรือไข่นกกระทา 1/4 ฟอง โอ้ว.... พระเจ้า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เมื่อมองดูราคาขายเทียบกับประโยชน์ที่ได้รับ คงไม่ต้องใช้เครื่องคิดเลขก็รู้ว่ามันแพงขนาดไหน

     คำถามก็คือ ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าชนิดนี้ที่คนไทยรับรู้ มันเป็นอย่างไร ถ้าดูจากสื่อโทรทัศน์ ก็พบว่ามันสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวสินค้าอย่างมาก ทั้งพรีเซนเตอร์ และข้อมูล(ที่ไม่รู้ว่าจริงแค่ไหน) ถ้าเราไม่ฉุกคิดสักนิดก็อาจจะพลอยเห็นดีเห็นงามตามนั้นไปด้วย

     ประเทศไทยของเรา นิยมบังคับใช้กฎหมายแบบศรีธนชัย คืออาศัยช่องว่างทุกจุดเพื่อหาประโยชน์ บ้านเมืองเราจึงเต็มไปด้วยการให้ข้อมูลผิดๆ หรือข้อมูลแบบคลุมเครือกับประชาชน พอถูกจับได้ก็หาข้ออ้างต่างๆนาๆ มาแก้ตัว เช่น ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น คุณตีความผิดหรือเปล่า บลาๆๆๆ ทั้งๆที่คนทั้งประเทศก็รู้ว่าทำเพื่ออะไร แต่ก็ไม่สามารถใช้กฎหมายเล่นงานได้(ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม)

     สำหรับเรื่องรังนกเนี่ย ถ้าคุณมีตังค์และไม่ได้คิดอะไรมาก ก็ซื้อไปเถอะครับ แต่อย่าหวังว่ามันจะเป็นยาวิเศษช่วยให้คุณดูอ่อนกว่าวัย อย่างในโฆษณานะครับ ถ้าเป็นผมจะหานมดื่มดีกว่า สบายกระเป๋า และได้คุณค่าทางอาหารเหมือนกัน(อาจจะมากกว่าด้วย ถ้าใช้งบประมาณเท่าๆกัน)

วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2554

แต่งกลอนวันแม่ให้แม่ครับ

     ผมเองไม่ค่อยได้มีเวลาไปดูแลแม่มากนัก เนื่องจากภาระการงานและครอบครัวของตัวเอง ทุกวันนี้ยังรู้สึกผิดในใจ ที่ไม่สามารถตอบแทนพระคุณที่ท่านได้เลี้ยงดูมา จนเป็นผู้เป็นคนอย่างทุกวันนี้

     พอเราได้เป็นพ่อคน ถึงได้รับรู้ว่าความรักของพ่อแม่นั้นยิ่งใหญ่ขนาดไหน ถ้าใครมีโอกาสที่จะดูแลคุณพ่อคุณแม่ล่ะก้อ ขอให้คุณทำอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้เลยครับ มันเป็นสิ่งที่ประเสริฐอย่างมาก และผมก็ขออนุโมทนากับกุศลอันนี้ด้วยนะครับ

     เอาล่ะวันี้ผมขอนำเสนอกลอนวันแม่ ที่ผมแต่งขึ้นเองครับ อาจจะไม่ค่อยไพเราะเท่าไหร่แต่มันมาจากใจเลยนะครับ

     "ขอมอบกลอนจากใจให้คุณแม่

ผู้มีแต่คำว่าให้กับลูกหลาน

เมื่อลูกผิดแม่นี้คอยทัดทาน

ให้พ้นผ่านอุปสรรคไปด้วยดี

     คำว่ารักของท่านช่างยิ่งใหญ่

มากเกินกว่าสิ่งใดๆในโลกนี้

ทำเพื่อลูกมาตลอดทั้งชีวี

ลูกคนนี้จะรักแม่ตลอดไป"

      ผมตั้งใจว่าวันแม่ปีนี้จะพาลูกๆกลับไปไหว้คุณแม่ของผมด้วย อยากให้ลูกๆได้ซึมซับกับบรรยากาศของครอบครัวครับ และอยากไปหอมแก้มแม่ซักฟอดใหญ่ๆ คิดถึงแม่จังเลยครับ

อยากได้ Tablet กะเขามั่ง

ผมเองที่จริงก็ไม่ได้เก่งคอมพ์อะไรเลย ออกจะโง่ๆด้วยซ้ำไป เห็นน้องที่ทำงานเอา Tablet  มาอวดก็เกิดกิเลสอยากได้กะเขามั่ง เลยลองสำรวจราคาเอาเองได้ผลประมาณนี้ครับ

Motorola Xoom

หน้าจอขนาด 10.1 นิ้ว ความละเอียด 1280x800 พิกเซล มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 3.0 Honeycomb (สามารถอัพเกรดได้ แต่ตอนนี้ยังไม่เปิดครับ) ใช้ชิปประมวลผล 1GHz dual-core แรม 1GB หน่วยความจำภายใน 32GB มีกล้องหน้าหลัง ของดีจากพี่มะกันครับ

ราคาโดยประมาณ 19,900 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi และ 23,900 บาท สำหรับรุ่น 3G

BlackBerry PlayBook

แท็บเล็ตจาก Research In Motion หน้าจอขนาด 7.1 นิ้ว ความละเอียด 1200x600 พิกเซล ใช้หน่วยความจำ 1GHz dual-core processor พร้อมกล้องหน้าหลัง (ใช้ระบบปฏิบัติการเฉพาะของ Blackberry เอง แต่สามารถลงแอพเพื่อให้ใช้ Android ได้) รองรับ Flash แต่ไม่มี 3G และมีข่าวลือว่าประมาณปลายเดือนนี้ BlackBerry PlayBook จะได้ตัวอัพเดตภาษาไทยแล้ว เห็นแล้วน้ำลายไหล

ราคาประมาณ 16,990, 18,990, และ 21,990 บาท สำหรับรุ่น 16GB, 32GB และ 64GB ตามลำดับ

HTC Flyer

แท็บเล็ตขนาดเล็กจาก HTC หน้าจอขนาด 7 นิ้ว รองรับการใช้งาน Magic Pen ที่สามารถเขียนตัวหนังสือ แทนการพิมพ์ได้ ใช้ชิปประมวลผล 1.5GHz Qualcomm Snapdragon ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 2.3 Gingerbread

ราคาประมาณ 21,500 บาท อืม.... ขอคิดดูก่อน

Acer Iconia Tab

ระบบปฏิบัติ การ Android Honeycomb OS การออกแบบดูแข้งแรง และก็หนากว่าคู่แข่งด้วยครับ ใช้ชิป NVIDIA Tegra 2 1GHz dual-core มีหน้าจอ 10.1 นิ้ว แรม 1GB ไม่มี 3G ครับ (ใครที่สนใจ 3G ให้ไปมอง Acer Iconia Tab A501 ที่เพิ่งเปิดตัวไม่นานนี้ครับ)

ราคา 14,900 บาท และ 15,900 สำหรับรุ่น 16GB และ 32GB

Apple iPad 2

เป็นอันที่ผมอยากได้ครับ จาก Apple หน้าจอ Gorilla Glass ทนโครตๆ(เขาว่างั้นนะครับ) และแอพเด็ดๆ อีกมากมายใน App Store หน้าจอขนาด 9.7 นิ้ว ใช้ชิป dual-core A5 มีกล้องหน้าหลัง แบตเตอรี่ใช้งานได้ 10 ชม. มีทั้งรุ่น Wi-Fi และ 3G

ราคาเริ่มต้นที่ 15,900, 18,900, 21,900 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi 16GB, 32GB, และ 64GB และ 19,900, 22,900, และ 25,900 บาท สำหรับรุ่น 3G 16GB, 32GB, และ 64GB

เฮ้อ อยากจะบอกว่าผมอยากได้อยู่หลายตัวนะครับ แต่ไม่รู้ว่าท่านผู้บัญชาการของผมจะอนุมัติเมกกะโปรเจคนี้หรือไม่
 ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลยั่วกิเลสอันนี้ จาก เว็บสนุกดอตคอม ครับผม

วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ขอบเขตการทำงานของนักรังสีเทคนิค

     สวัสดีครับไม่ได้เขียนบทความเสียนาน เนื่องจากภรรยาผมได้ตั้งท้องลูกคนที่สอง จึงต้องให้เวลากับครอบครัวมากหน่อย คนที่มีลูกเมียน่าจะเข้าใจดีนะครับ

     วันนี้ผมขอพูดถึงขอบเขตหน้าที่ของนักรังสีเทคนิคหน่อยนะครับ เนื่องจากผมได้เจอเหตุการณ์นี้ที่แผนกของผมเอง เรื่องก็คือมีผู้ป่วยมาเข้ารับการตรวจ CT Scan Upper Abdomen แต่ว่าผู้ป่วยมีปัญหาเส้นเลือดเปราะ และมีขนาดเล็ก พยาบาลไม่สามารถเปิดเส้นเลือดเพื่อฉีด Contrast Media (สารทึบรังสี)ได้ พยาบาลและนักรังสีเทคนิคจึงลงความเห็นว่าทำต่อไม่ได้ จึงหยุด Case นี้เพียงเท่านั้นและให้ผู้ป่วยกลับหอผู้ป่วยไป หลังจากนั้นก็ส่งฟิล์มให้รังสีแพทย์อ่านผล เป็นการทำ CT Scan Upper Abdomen แบบไม่ฉีดสารทึบรังสี โดยไม่ได้รายงานว่าเกิดอะไรขึ้นจึงไม่ได้ฉีดสารทึบรังสี

     ผมกลับมาทำงานในตอนเช้าวันจันทร์ (ผู้ป่วยมาตรวจในวันอาทิตย์) มีโทรศัพท์เข้ามาจากหมอเจ้าของไข้ ขอความชัดเจนว่าทำไมไม่ฉีดสารทึบรังสี ผมเองก็งงอยู่พักนึงเพราะยังไม่มีใครรายงานรายละเอียดให้ทราบ เลยต้องกลับมาถามน้องๆที่อยู่เวรตอนนั้น พอรู้เรื่องเล่นเอาแทบเป็นลมขอรับ เพราะพวกเขามา Off Case โดยพละการ แล้วไม่ยอมรายงานหมอเจ้าของไข้ หมอก็เลยไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ผมก็เลยต้องรายงานหมอไปตามนั้น และขอตรวจผู้ป่วยคนนี้ใหม่อีกครั้งหนึ่ง คราวนี้เรียบร้อยครับ ผ่านไปได้ด้วยดี ทุกคนก็พลอยโล่งอกไปตามๆกัน

     แต่ที่ผมต้องทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ในแผนก ก็คือถ้าเราจะต้องเปลี่ยนแปลง Order ของหมอ จะต้องรายงานแพทย์เจ้าของไข้ทุกครั้ง อย่าทำเองตามใจชอบ เพราะเราจะต้องรับผิดชอบต่อการตัดสินใจนั้นๆ ดีแต่ว่าผู้ป่วยคนนี้ไม่ได้เป็นโรคที่มีอันตรายในเวลาอันสั้น ไม่งั้นผมคงต้องปวดหัวมากกว่านี้


  

วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เปลี่ยนหลอดเอกซเรย์คอมพิวเตอร์

    
     ตอนนี้ผมกำลังรอช่างมาเปลี่ยนหลอดเอกซเรย์ของเครื่องCT เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมามีผู้ป่วยเยอะมากๆ เรียกว่ามากที่สุดในรอบหลายๆปีเลยทีเดียว ทำให้หลอดเอกซเรย์เจ๊ง อันนี้ว่ากันตามสภาพครับ สำหรับการเปลี่ยนหลอดเอกซเรย์ เมื่อจัดการเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องแจ้งทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ให้เข้ามาทำการตรวจมาตรฐานของเครื่องเอกซเรย์อีกครั้งครับ เพื่อความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงาน และประชาชนผู้มารับบริการ

     เรื่องปริมาณรังสีที่ได้รับจากการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์นั้น ผมเองก็ต้องตอบคำถามอยู่เกือบทุกวันครับ ที่จริงมันก็เป็นความเสี่ยงอยู่เหมือนกัน สำหรับการเข้ารับการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เพราะมันใช้ปริมาณรังสีสูงกว่าเอกซเรย์ทั่วไปมาก ถ้าไม่มีความจำเป็นจริงๆ แพทย์เขาไม่ส่งตรวจกันง่ายๆหรอกครับ แต่ที่ทุกวันนี้มีการส่งตรวจมากขึ้น น่าจะเกิดจากความต้องการของผู้ป่วยที่มากขึ้น และยังมีกฎหมายเกี่ยวกับการฟ้องร้องแพทย์อีก ทำให้แพทย์จำเป็นต้องใช้การวินิจฉัยที่ละเอียดมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ซึ่งประเด็นนี้น่าจะมีน้ำหนักมาก ในการทำให้อัตราการส่งตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สูงขึ้นอยา่งมาก

     ผมเองก็ไม่มีปัญหาอะไรมาก แค่รู้สึกเหนื่อยมากขึ้น คงเพราะผู้ป่วยมากขึ้น หรือว่าเราแก่ลงหว่า ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกัน เอาเป็นว่ารอช่างต่อไปดีกว่า

วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ชีวิตหลังเลือกตั้ง

     หลังจากที่เคยกล่าวถึงการแลือกตังครั้งนี้ไปแล้วในหัวข้อ เทศกาลเลือกตั้งมาแล้วครับ ในที่สุดก็จบกันไปเสียที สำหรับการเลือกตั้ง 2554 ผลก็คงเป็นอย่างที่ทราบกัน ว่าเรากำลังจะได้นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ ส่วนตัวผมเองก็ไม่รู้สึกอะไรมากนัก รอดูการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ไปก่อนครับ ถ้าได้ความอย่างไรผมจะมาเล่าให้ฟังอย่างแน่นอน

     ที่บ้านผมในวันเลือกตั้งบรรยากาศคึกคักมาก แต่ละคนก็รีบออกไปลงคะแนนเสียงกันแต่เช้า แล้วก็กลับมานั่งลุ้นคะแนนพรรคที่แต่ละคนเชียร์ เหมือนดูกีฬาโอลิมปิกยังไงยังงั้น สุดท้ายผลก็อย่างที่ทุกคนทราบ คุณชูวิทย์ที่ผมแอบเชียร์อยู่ก็ได้เป็นฝ่ายค้านสมใจ ทีนี้ก็รอดูว่าแกจะโชว์ผลงานได้สมราคาคุยหรือเปล่า

     ถ้าถามใจผมว่าอยากได้อะไรจากรัฐบาลชุดนี้ ก็ต้องบอกว่าอยากให้ปรับปรุงระบบราชการ ให้มีความคล่องตัว มีประสิทธิภาพกว่านี้ และแน่นอนที่สุด เรื่องสวัสดิการด้วยล่ะครับ แต่ก็คงต้องดูภาพรวมของระบบเศรฐกิจก่อน ว่าพอไปไหวไหม ถ้าจะทุ่มเทงบประมาณเพื่อทำประชานิยม ตามที่ได้หาเสียงเอาไว้ ช่วงนี้ผมเริ่มได้ยินหลายคนพูดถึงนโยบาย ให้เงินเดือน 15000 บาท สำหรับผู้ที่จบปริญญาตรี เอาแล้วไง ยังไม่ทันตั้งรัฐบาล ก็มีคนทวงสัญญาซะแล้ว

     ผมเองคิดว่าคุณยิ่งลักษณ์มีฝีไม้ลายมือในการบริหารงานอยู่พอสมควร จากที่ได้ศึกษาประวัติการทำงานของท่านนะครับ แต่ในการบริหารประเทศจะเป็นยังไง ต้องรอดูด้วยกันครับ เพราะบรรดา เสือ สิห์ กระทิง แรด ทั้งหลายคงต้องงัดสารพัดลวดลายมาต่อรองทางการเมืองอย่างแน่นอน ผมไม่ได้หวังอะไรมากไปกว่าให้ประเทศไทยของเราสงบสุขเสียที ถ้าทำได้ แค่นี้ก็สุดยอดแล้วครับ

วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ญี่ปุ่นในวันนี้

     ผมได้ดูรายการ ทูไนท์โชว์ เมื่อคืนนี้ซึ่งทางรายการได้นำเสนอ เรื่องราวของประเทศญี่ปุ่นหลังจากวิกฤติ แผ่นดินไหว คลื่นสึนามิ และกัมมันตภาพรังสี เห็นภาพความเงียบเหงาของกรุงโตเกียวก็รู้สึกแปลกๆ เพราะเราเคยเห็นแต่ภาพที่มีผู้คนมากมายเบียดเสียดกันเต็มไปหมด แถมแต่ละคนก็เดินกันเร็วมาก( อันนี้ผมยืนยันได้ ) ร้านรวงก็เต็มไปหมด เป็นเมืองหลวงที่แออัดเอามากๆ

     เห็นหน้าของพ่อค้าปลาในตลาด แล้วรู้สึกหดหู่ใจเหมือนกันครับ จากที่เคยขายกันแทบไม่ทัน กลายเป็นว่าเดี๋ยวนี้ลดแบบสุดตัวแล้วก็ยังไม่ค่อยจะมีใครมาซื้อ ทางรายการก็ใจดีอุตส่าห์ซื้อปลาแซลมอน เอามารับประทานโชว์ในรายการ เพื่อให้คนไทยเห็นว่า มันกินได้ ไม่มีสารพิษตกค้าง อย่ากังวลจนเกินเหตุ ประเทศญี่ปุ่นไม่ได้น่ากลัวจนไม่น่าท่องเที่ยว ถ้าพอจะสามารถไปเที่ยวได้ โดยที่ตัวเองและครอบครัวไม่เดือดร้อน ก็ช่วยๆกันหน่อยคงไม่เสียหายอะไรมากนัก

     บ้านเราเองก็อยู่ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง แทบทุกหมู่บ้านมีการเคลื่อนไหว ผมเข้าใจว่างานนี้คงมีผู้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งกันมาก เพราะเห็นใครๆก็พูดกันว่าจะไปช่วยพรรคนั้น สนับสนุนคนนี้ อยากให้คนนั้นได้เป็นนายก สำหรับครอบครัวผมที่มีแนวคิดทางการเมืองไม่ค่อยจะเหมือนกัน ก็คงแล้วแต่ความชอบของแต่ละคนครับ ทางเดี่ยวกันไปด้วยกันแต่กาคนละเบอร์ ครับผม

วันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ความปลอดภัยของเครื่องเอกซเรย์ที่สนามบิน

     วันก่อนมีญาติผู้ป่วยถามผมเกี่ยวกับเครื่องเอกซเรย์ที่สนามบิน ว่ามีอันตรายมากไหม จะก่อให้เกิดมะเร็งไหม เข้าใจเขาคงค่อนข้างกังวลใจมากไปนิดนึง อย่างว่าล่ะครับสมัยนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ คงไม่ไม่แปลกที่คนเราจะกังวลในสิ่งที่เราไม่แน่ใจ ผมก็เลยบอกให้เขาสบายใจได้เลย รังสีที่ใช้ในเครื่องเอกซเรย์ที่สนามบิน มันคือรังสีเอกซ์พลังงานต่ำๆ ไม่ก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายครับ และไม่มีการแผ่กระจายออกไปของรังสีในระยะไกล เพราะฉะนั้นอย่าไปกลัวมันมากเกินไปครับ

     ถ้าผมจำไม่ผิดเมื่อสัก 2-3 ปีก่อนเคยมีข่าวการประท้วง เรียกร้องให้ยุติการใช้งานเครื่องเอกซเรย์ที่ใช้ในสนามบิน ของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งครั้งนั้นสหภาพสิทธิพลเรือนอเมริกันเป็นผู้ยื่นหนังสือประท้วง เนื่องจากภาพที่ได้จากเครื่องเอกซเรย์ที่ว่านี้ มันเห็นเนื้อหนังมังสาที่อยู่ภายใต้เสื้อผ้าอย่างชัดเจน ซึ่งถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลมากเกินไป แต่ทางการก็อ้างถึงเรื่องการป้องกันภัยโดยเฉพาะการก่อการร้าย ที่มุ่งเป้ามาที่อเมริกาเป็นหลัก นอกจากนี้จะไม่มีการบันทึกข้อมูลเก็บไว้ และมีการทำกราฟฟิกเบลอๆที่ใบหน้าของผู้โดยสาร จะได้ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร 


     ผมเองตอนนั้นได้ดูข่าวก็รู้สึกเห็นใจทั้งสองฝ่าย ประชาชนก็ไม่อยากโชว์ออฟให้ใครเห็น เจ้าหน้าที่ก็ต้องทำตามหน้าที่เพื่อรักษาความปลอดภัย ซึ่งเหตุการณ์แนวๆนี้มีให้เห็นประจำครับ โดยเฉพาะในหน่วยงานของรัฐที่ต้องให้บริการประชาชนจำนวนมากๆ บางทีก็คุยกันได้ บางทีก็ทะเลาะกันบ้าง แต่ยังดีที่สังคมไทยยังมีความถ้อยทีถ้อยอาศัยกันอยู่ ส่วนใหญ่ปัญหามักไม่ค่อยบานปลาย เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต


    ได้แต่หวังว่าสังคมไทยจะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขนะครับ หวังว่าเลือกตั้งคราวจะได้คนดีเข้าไป(บ้างนะ)ในสภา เพื่อสร้างความเจริญให้แก่บ้านเมืองของเรา

วันพุธที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เทศกาลเลือกตั้งมาแล้วครับ

    
     ช่วงนี้ไม่มีอะไรจะมันส์ไปกว่าการหาเสียงเลือกตั้ง ตอนนี้รู้สึกว่าจะมีคนมาแสดงความรักกับเราอย่างมากมายเหลือเกิน แถวๆบ้านยิ่งคึกคัก ไม่รู้ว่ารถหาเสียงของใครบ้างวิ่งกันมั่วไปหมด ชาวบ้านที่มีรถกระบะก็เลยพลอยมีรายได้เสริมไปด้วย เรียกว่าช่วงนี้เศรษกิจชาวรากหญ้าได้รับการกระตุ้นอยางหนัก

     สำหรับผมเองก็ยังคิดไม่ออกว่าจะไปกาคะแนนลงช่องไหนดี เห็นทีคงต้องว่าตามเมียก็แล้วกัน เมียให้กาช่องไหนเราก็ไม่ควรไปขัดใจเธอ เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติเอาไว้ 555

     ครอบครัวของผมเป็นครอบครัวหลากสีครับ แต่ละคนก็มีความคิดทางการเมืองเป็นของตัวเอง บางคนเลือกเพื่อไทย บางคนเลือกประชาธิปัตย์ บางคน no vote และบางคนยังมึนอยู่ว่าจะเอาไงดี(ผมนี่ไง) เวลาคุยกันเรื่องการเมืองเหมือนมีสงครามย่อยๆในบ้าน คนกลางอย่างผมก็ได้แต่นั่งฟัง แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าเถียงกัน และก็ยังรักกันเหมือนเดิม

     ช่วงนี้มีพรรคการเมืองหนึ่ง ไม่บอกแล้วกันว่าพรรคไหน มาตั้งสำนักงานอยู่ตรงข้ามกับบ้านผม ตอนนี้เร่งติดกล้องวงจรปิด ติดไฟฟ้าซะสว่างเลย สงสัยกลัวใครมาปาระเบิดหรือเปล่าก็ไม่รู้ ผมก็ได้แต่หวังว่าจะไม่มีอะไรรุนแรงเกิดขึ้น เชื่อว่ายังไงคนไทยก็ไม่นิยมใช้ความรุนแรง เดี๋ยวค่อยมาดูกันว่าเราจะได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี

วันพุธที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

น้ำใจที่น่ายกย่อง


     วันก่อนได้อ่านข่าวเกี่ยวกับผู้ประสบภัยที่ประเทศญี่ปุ่น ได้ส่งหนังสือแสดงความขอบคุณ ต่อคนไทยที่ได้ส่งความช่วยเหลือไปยังประเทศญี่ปุ่น มีเนื้อข่าวดังนี้ครับ

"ตามที่​ได้​เกิด​เหตุ​แผ่นดิน​ไหว​และสึนามิ​ในประ​เทศญี่ปุ่น จน​ทำ​ให้มี​การสูญ​เสียชีวิต​และบาด​เจ็บ รวม​ถึง​เกิด​ความ​เสียหาย​เป็นจำนวนมาก ​โดยพระบรมวงศานุวงศ์ของ​ไทย​ได้พระราชทาน​ความช่วย​เหลือ​ในรูป​แบบต่างๆ  ตลอดจน รัฐบาล ​เอกชน ​และประชาชน​ไทย​ได้ร่วมกัน​ให้​ความช่วย​เหลือ​แก่​ผู้ประสบภัยจาก​เหตุ​ การณ์ดังกล่าว นั้น
ล่าสุด สถาน​เอกอัครราชทูต ณ กรุง​โต​เกียว ​ได้รายงานว่า ​ผู้ประสบภัยชาวญี่ปุ่น​ใน​เมืองคามาอิชิ จังหวัดอิวา​เตะ ​ได้ส่งหนังสือ​ไปยังสถาน​เอกอัครราชทูตฯ ​แสดง​ความขอบคุณ​และซาบซึ้ง​ในน้ำ​ใจของรัฐบาล​ไทยที่​ได้จัดส่งสิ่งของ​ เครื่อง​ใช้ที่จำ​เป็นสำหรับชีวิตประจำวัน​ไป​ให้ ถือ​เป็นสิ่งของล้ำค่า ​ทำ​ให้มีพลังสู้ชีวิตต่อ​ไป"

ที่มา กอง​การสื่อมวลชน กรมสารนิ​เทศ กระทรวง​การต่างประ​เทศ ​โทร. 643-5170 ​โทรสาร. 643-5169 E-mail

     ผมอ่านข่าวนี้ด้วยความรู้สึกปลาบปลื้ม ที่อย่างน้อยในภาวะที่ต่างคนต่างลำบาก คนไทยก็ยังมีน้ำใจช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ แม้จะมีหลายเสียงค่อนขอดว่า ทำไมไม่ไปช่วยชาวใต้ ทำไมไม่ไปช่วยคนยากจน ทำไม.....ทำไม...ทำไม...ฯลฯ

     ผมคิดว่าทุกคนเขามีสิทธิ์ที่จะส่งความช่วยเหลือ ให้แก่ใครก็ได้ที่เขาอยากจะช่วย มันเป็นการช่วยโดยบริสุทธิ์ใจ ไม่ใช่การระดมทุน เหมือนที่พรรคการเมืองของประเทศนี้ชอบทำกัน และผมเชื่อเหลือเกินว่าคนที่บริจาคช่วยชาวญี่ปุ่น ก็จะเป็นคนกลุ่มที่บริจาคช่วยชาวไทยเช่นกัน แต่ให้ตายสิ ผมยังไม่เห็นมีนักการเมืองคนไหนบริจาคเงินส่วนตัว เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย หรือผมตกข่าวไปเอง

วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ยุบสภาแล้วค่อยว่ากันใหม่


     ตอนนี้บ้านเราก็ได้ยุบสภาไปเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ทุกพรรคการเมืองก็คงดาหน้าหาเสียงกันอย่างหนัก ผมได้ฟังนโยบายของแต่ละพรรคแล้ว ส่วนใหญ่ก็เน้นแบบประชานิยมคล้ายๆกัน เอาเถอะน่า ยังไงก็คงจะมีอะไรใหม่ๆมาให้ประชาชนบ้างนะครับ ผมเองก็ชอบติดตามข่างการเมืองเหมือนกันครับ ผมว่ามันสนุกกว่าละครหลังข่าวอีกครับ แม้บางช่วงมันเลี่ยนไปบ้าง แต่ก็ยังพอรับได้

     ได้แต่หวังว่าประเทศของเราจะดีขึ้นกว่านี้ ผมเองก็ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ แต่ยังไงก็ดีกว่าไม่มีอะไรให้หวัง ชิมิ ชิมิ

วันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ไม่เร้าใจอย่างที่คิดสำหรับ เชน มอสลีย์

    
นั่่งดูมวยคู่(น่าจะ)หยุดโลก ระหว่าง แมนนี่ ปาเกียว กับ เชน มอสลีย์ แล้วบอกตรงๆว่าเซ็งนิดๆ อย่างว่าล่ะครับ มอสลีย์อายุก็ใกล้40แล้ว คงไม่ฟิตปั๋งเหมือนตอนหนุ่มๆ แต่ยังไงๆก็น่าจะมีชั้นเชิงกว่านี้หน่อยครับ พี่แกเล่นชกแล้วหนี ไม่ยอมปะทะด้วยเลย มวยคู่นี้ผมดูแต่ปาเกียวอย่างเดียว รู้สึกว่าเขายังแข็งแกร่งอยู่เหมือนเดิม ตอนนี้ผมก็รอดูแต่ว่าใครจะมาเป็นคู่ต่อกรกับปาเกียวเป็นคนต่อไป

วันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

แอบเล่าเรื่องของเพื่อน

    
     สมัยที่ผมเรียนมหาวิทยาลัย มีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง เธอเรียนคณะวิทยาศาสตร์สาขาเคมี ระหว่างเรียนเธอก็ทำงานไปด้วยครับ โดยเป็นลูกจ้างร้านขายยา ทำหน้าที่ทั่วๆไป เช่น จัดของ ทำความสะอาด นับยา และเรียนรู้การจ่ายยาไปด้วย

     พอเรียนจบเธอก็ทำงานที่ร้านยาอย่างเต็มตัว ผมเคยถามว่าทำไมไม่ไปสมัครงานอื่นๆล่ะ เธอบอกว่าเธอมีความฝันอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง และก็ชอบงานร้านขายยาด้วย ผมก็เลยไม่ได้ถามอะไรต่อ เธอทำงานจนได้เป็นผู้จัดการร้านประจำสาขาย่อย ถัดมาไม่กี่ปีก็รวบรวมเงินเปิดร้านยาเล็กๆของเธอเอง แล้วจ้างเภสัชกรมาทำงานขายยาให้ และเธอก็อาศัยรายได้จากร้านยาส่งตัวเองเรียนคณะเภสัชศาสตร์ ม.เอกชนแห่งหนึ่ง โดยหวังว่าเมื่อเรียนจบแล้วจะได้มาเป็นเภสัชกรประจำร้านของตัวเอง และได้ทำงานที่เธอรักต่อไป

วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2554

งานของผู้ช่วยนักรังสีการแพทย์

     บุคลากรในแผนกรังสีวิทยา โดยทั่วไปจะประกอบด้วย รังสีแพทย์ นักรังสีการแพทย์ เจ้าหน้าที่รังสีการแพทย์ ผู้ช่วยนักรังสีการแพทย์ คนงาน แม่บ้าน ซึ่งแต่ละคนก็มีหน้าที่ของตนเองที่ต้องรับผิดชอบกันไป
   
     วันนี้เรามาว่ากันถึงเรื่องของผู้ช่วยนักรังสีการแพทย์(ต่อไปนี้ผมขอใช้คำว่า ผู้ช่วยฯ นะครับ) ซึ่งก็มีหน้าที่ "ช่วย" งานต่างๆของนักรังสีการแพทย์หรือเจ้าหน้าที่รังสีการแพทย์ บุคคลากรเหล่านี้ไม่ได้จบการศึกษาด้านรังสีเทคนิค มีงานหลักๆเช่น ล้างฟิล์ม ส่งฟิล์ม เตรียมผู้ป่วยก่อนเข้ารับการตรวจ แต่ไม่ใช่การไปเอกซเรย์ผู้ป่วยแทนนักรังสีการแพทย์

    

วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554

รอดูมวย ปาเกียว ปะทะ มอสลีย์

     ผมเองกำลังรอดูมวยคู่นี้อยู่อ่ะครับ อยากจะรู้เหมือนกันว่าปาเกียวจะยังคงเจ๋งอยู่ไหม เพราะช่วงหลังๆรู้สึกจะมุ่งมั่นให้กับงานด้านการเมืองเป็นหลัก อีกไม่นานก็รู้กันล่ะครับ มอสลีย์เองก็ไม่ใช่ขี้ๆ เคยคว่ำ่ยอดมวยมาหลายราย ทั้งอันโตนิโอ มาการิโต้, เฟอร์นานโด วาร์กัส,ริคาร์โด้ มายอร์ก้,หรือแม้แต่ ออสการ์ เดอ ลา โฮย่า แต่ด้วยวัยที่มากขึ้น คิดว่างานนี้คงหนักเอามากๆครับ
     ส่วนตัวผมก็ยังคงเชียร์ปาเกียวเหมือนเดิมครับ ยังไง 8 พ.ค. 54 ก็คงได้เห็นกันว่าใครจะชนะ

ไหนๆก็มีคนถามมาเยอะ เอาไฟต์ล่าสุดมาให้ดูเลยละกัน

วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2554

ทำไมต้องงดน้ำงดอาหารก่อนฉีดสารทึบรังสี


     วันก่อนผมทำ CT Brain แบบฉีดสารทึบรังสี(contrast media) เจอคำถามของผู้ป่วยว่า "ทำไมต้องให้ผมอดข้าวอดน้ำตั้งหลายชั่วโมง ทำเลยไม่ได้หรือไง จะรีบกลับบ้าน" ไอ้ผมเองก็รีบเหมือนกันเพราะคิวรอตรวจยาววว..เหลือเกิน ก็เลยฝากให้น้องอีกคนช่วยอธิบายให้ผู้ป่วยฟัง แล้วผมก็เข้าไปทำ CT ต่อไปอย่างเมามัน พอทำเสร็จเรียบร้อย เปิดประตูออกมา อ้าว..เฮ้ย ผู้ป่วยเมื่อกี๊แกยังนั่งอยู่ที่เดิมนี่หว่า สงสัยแกจะว่าง ก็เลยนั่งรอให้ครบตามเวลา ด้วยความที่งานกำลังยุ่งผมก็เลยเตรียมจะลุยต่อทันที

วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2554

อันตรายจากอนุภาคกัมมันตรังสี

     จากข่าวเตาปฏิกรณ์ปรมาณูที่ญี่ปุ่นเกิดระเบิด เกิดการฟุ้งกระจายของอนุภาครังสีออกมา ซึ่งอนุภาคเหล่านี้สามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทางเช่น จากการหายใจเข้าสู่ปอด การปนเปื้อนในอาหารและนำ้ดื่ม รวมถึงการที่อนุภาคกัมมันตรังสีติดอยู่ที่ผิวหนัง
     ขณะนี้หลายประเทศ ได้ทำการเฝ้่าระวังการแพร่กระจายของกัมมันตรังสีจากญี่ปุ่น โดยเฉพาะจากผลิตภัณฑ์อาหาร ได้มีการกำหนดมาตรการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างเข้มงวด หลายประเทศก็ประกาศงดนำ

วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2554

เครื่องปฏิกรณ์ปรมาณูแห่งสยามประเทศ

     จากการที่ประเทศญี่ปุ่นได้ประสบกับภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งใหญ่ ทั้งจากแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิ ทำให้มีคนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก ก็รู้สึกตกใจมาก ยิ่งพอได้รู้ว่ามีการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสีจากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ก็ยิ่งเป็นห่วงมากขึ้นไปอีก คิดว่าคงมีผลกระทบตามมาไม่น้อย เห็นว่าหลายชาติได้ประกาศยกเลิกการนำเข้าสินค้าที่คาดว่าอาจจะมีการปนเปื้อนทางรังสีจากประเทศญี่ปุ่น เราก็เข้าใจเขานะเพราะไม่ว่าใครก็ต้องเป็นห่วงความปลอดภัยของประชาชนของตน
    

วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

วิจารณ์หนังกับเขามั่งดีกว่า

     ผมได้รับอีเมลจากเพื่อนคนหนึ่ง แนะนำให้ไปดูหนังเด็กเรื่องปัญญา เรณู เขาบอกว่าหนังดี ดูสนุก มีแอบซึ้งด้วย เห็นบอกว่าเป็นหนังของคุณบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ผมเองเห็นจากข้อความในอีเมลของเพื่อนก็ยังไม่ค่อยจะแน่ใจนักเพราะไม่ค่อยจะได้ข่าวคราวเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้เลย เปิดทีวีไปช่องไหนก็มีแต่ จีวรบิน แต่เอาเถอะเมื่อเพื่อนมันแนะนำแล้วเราก็สนองneedของมันซะหน่อย
     พอไปดูจริงๆก็รู้สึกดีแฮะ หนังเด็กๆแต่ให้อะไรกับคนดูเยอะมาก พวกเด็กก็น่ารักแบบบ้านๆดีครับ ดูแล้วไม่เสียดายตังค์ครับผม ให้feel แบบอีสานดี คิดว่าหลายคนดูแล้วต้องคึดฮอดบ้านกันเป็นแน่แท้ หนังเป็นภาษาอีสานทั้งเรื่องแต่ก็ดูรู้เรื่องครับ การแสดงของเด็กๆมันสื่อสารกับคนดูได้อย่างยอดเยี่ยม หนังดีๆของคนไทย เสนอความงดงามของวัฒนธรรมชนบท ถ้าหนังเรื่องนี้ขาดทุน ผมคงเซ็งไม่น้อยเพราะอยากให้กำลังใจคนที่สร้างสรรค์งานคุณภาพ ให้มีแรงสู้ต่อไปครับ
  

วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ช่วยเหลือเพื่อน

     เมื่ออาทิตย์ก่อนผมได้รับการติดต่อจากเพื่อนสนิทที่เป็นแพทย์ ให้ช่วยหาเครื่องเอกซเรย์มือสองในราคาที่ประหยัดให้หน่อย ประมาณว่าจะเอาไปใช้ที่คลีนิค เพื่อเสริมการตรวจให้ครบถ้วนมากขึ้น ผมก็ได้แนะนำพี่ที่รู้จักกันดีที่เขาทำธุรกิจทางด้านนี้โดยเฉพาะให้เขาไปช่วยดูแลตั้งแต่การสร้างห้องไปจนถึงการติดตั้งเครื่อง จนถึงวันนี้ผมยังไม่ได้ติดตามความคืบหน้าในเรื่องนี้เลย คิดว่าไม่นานก็คงจะเรียบร้อย
     เรื่องการใช้เครื่องเอกซเรย์ในคลีนิคของแพทย์นั้นเป็นเรื่องที่คุยกันมานานแล้วในแวดวงรังสีเทคนิค ว่าจริงๆแล้วเหมาะสมหรือไม่ สำหรับผมเองส่วนตัวไม่ได้ติดใจอะไรกับเรื่องนี้ ขอเพียงให้มีการป้องกันอันตรายทางรังสีที่เหมาะสม ปลอดภัย ก็แล้วกัน เพราะว่ายังไงหมอคงต้องปกป้องผู้ป่วยและตัวคุณหมอเองอยู่แล้ว แต่จะว่าไปมันก็ไม่ค่อยจะถูกต้องตามกฎหมายซะทีเดียว แต่ว่าด้วยจรรยาบรรณของแพทย์ท่านคงไม่ทำอะไรที่เสี่ยงๆหรอกครับ ยิ่งสมัยนี้ที่การฟ้องร้องแพทย์กำลังฮิตติดเทรนด์
     ผมเองไม่ค่อยคิดมากอะไรนักหรอกกับการที่บุคลากรสายงานอื่นมาทำการเอกซเรย์ให้ผู้ป่วย ตราบใดที่มีการควบคุมคุณภาพ ขอบเขตหน้าที่ให้เหมาะสมกับงาน เพราะในความเป็นจริงนักรังสีเทคนิคยังเป็นสิ่งที่ขาดแคลนในระบบสาธารณสุขเมืองไทย ถึงแม้ว่าจะมีการเพิ่มสถาบันการศึกษาเพื่อให้มีปริมาณนักรังสีเทคนิคมากขึ้นก็ตาม แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ทันกับการขยายตัวของกลุ่มผู้ป่วยที่มีแต่จะมากขึ้นทุกวัน
     ผมคิดเรื่องนี้มาหลายปีแล้วและทุกวันนี้ก็ยังคิดอยู่ว่าทำไมบ้านเมืองเราถึงยังขาดแคลนบุคคลากรด้านรังสี ทั้งที่มีการเพิ่มการผลิตบัณฑิตอยู่ทุกๆปี แถมยังมีน้องๆมาบ่นกับผมอีกว่าหางานยาก ผมก็เลยไม่แน่ใจว่าจริงๆมันเกิดจากอะไรกันแน่ฟะ ถ้าใครรู้ช่วยบอกผมทีเถอะ

วันจันทร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2554

ความยากลำบากในครั้งแรก

    ทุกอย่างต้องมีครั้งแรกเสมอ มันเป็นคำพูดที่ดีและก็เป็นจริงซะด้วย ผมเองฉุกคิดถึงคำนี้ได้ตอนที่มีผู้ปกครองเด็กแถวบ้านมาขอคำปรึกษาเรื่องจะส่งลูกเรียนมหาวิทยาลัย แต่ก็กลัวหลายๆอย่าง กลัวไม่มีเงิน กลัวลูกเรียนไม่ไหว กลัวมีสามีก่อนเรียนจบ กลัวต่างๆนาๆ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะผมเองได้ผ่านตรงนี้มาเหมือนกัน ผมมาจากครอบครัวชาวนาธรรมดาครอบครัวหนึ่ง ที่พ่อแม่มีความตั้งใจสูงมากที่จะส่งลูกชาย(ชั่วๆ)คนนี้ให้เรียนสูงๆ ได้ทำงานดีำๆ โดยไม่สนใจว่าตัวเองจะต้องยากลำบากแค่ไหน หรือแม้แต่

วันศุกร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2554

ความเปลี่ยนแปลง

     หลังจากเสร็จเทศกาลปีใหม่ พวกเราก็มีเวลาพักเล็กน้อย ก่อนที่สถานการณ์จะเข้าสู้สภาพปกติ คือผู้ป่วยล้นแผนกเหมือนเดิม ปีนี้อุบัติเหตุมีเยอะมากๆและรุนแรงเสียด้วย ผมแปลกใจกับตัวเลขผู้บาดเจ็บกับผู้เสียชีวิตที่ประกาศทางทีวี รู้สึกว่ามันจะน้อยกว่าความเป็นจริง(สำหรับบางจังหวัด) ซึ่งเฉพาะที่จังหวัดที่ผมทำงานอยู่ก็ไม่ตรงกันครับ อาจจะเกิดจากความล่าช้าในการประมวลผล ความผิดพลาดในการรายงานข้อมูลดิบ หรือมีการตกแต่งข้อมูลใหม่เพื่ออะไรผมก็ไม่ทราบได้