จากข่าวเตาปฏิกรณ์ปรมาณูที่ญี่ปุ่นเกิดระเบิด เกิดการฟุ้งกระจายของอนุภาครังสีออกมา ซึ่งอนุภาคเหล่านี้สามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทางเช่น จากการหายใจเข้าสู่ปอด การปนเปื้อนในอาหารและนำ้ดื่ม รวมถึงการที่อนุภาคกัมมันตรังสีติดอยู่ที่ผิวหนัง
ขณะนี้หลายประเทศ ได้ทำการเฝ้่าระวังการแพร่กระจายของกัมมันตรังสีจากญี่ปุ่น โดยเฉพาะจากผลิตภัณฑ์อาหาร ได้มีการกำหนดมาตรการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างเข้มงวด หลายประเทศก็ประกาศงดนำ
เข้าอาหารจากญี่ปุ่นไปเลย ยิ่งเมื่อทราบว่ามีการปนเปื้อนกัมมันตรังสีในนมที่จังหวัดฟูกูชิม่า และผักขมจากจังหวัดอิบารากิ ก็ยิ่งสร้างความตื่นตระหนกให้แก่ประชาชนโดยทั่วไป ถึงแม้ทางการญี่ปุ่นจะบอกว่าระดับของกัมมันรังสีที่พบในนมและผักขม ไม่อยู่ในระดับที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค
แต่ที่ผมยังกังวลอยู่ก็คือปริมาณอนุภาครังสีในอากาศ ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยได้ ถึงแม้โอกาสจะน้อยมากๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ยิ่งถ้าอนุภาคกัมมันตรังสีเหล่านั้นลอยขึ้นไปถึงบรรยากาศชั้นบน ซึ่งมีกระแสลมรุนแรง ยิ่งทำให้อนุภาคเหล่านั้นถูกพัดพาไปได้ไกลจากแหล่งกำเนิด และอาจจะมาถึงประเทศไทยก็ได้ แต่ทุกท่านไม่ต้องกังวลหรอกครับ ประเทศไทยของเราก็มีการวัดปริมาณรังสีในอากาศ ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ โดยจะมีจุดที่ติดตั้งเครื่องวัดปริมาณรังสีในอากาศมีอยู่ 7 จุด ที่จังหวัด ระนอง ตราด อุบลราชธานี สงขลา ขอนแก่น เชียงใหม่ และกรุงเทพ โดยมีโครงการจะติดตั้งเพิ่มอีก 1 จุด ที่จังหวัดพะเยาในปี 2554 นี้แหล่ะครับ
ถ้าหากตรวจพบความผิดปรกติในระดับที่จะเป็นอันตรายต่อประชาชน ทางสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติก็จะมีการประกาศให้ประชาชนทราบ และมีมาตรการรองรับเพื่อความปลอดภัยอยูแล้วล่ะครับ ไม่ต้องห่วง
สำหรับหน้าตาของเครื่องวัดระดับรังสีแกมม่าในอากาศ ที่ประเทศเราใช้อยู่ก็จะเป็นดังภาพข้างล่างครับ ยังไงก็ขอให้ทุกท่านอย่างเพิ่งตื่นตระหนกเกินไปนัก คอยติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดนะครับ
ที่มาของรูป สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ http://www.oaep.go.th/images/news/EGRM1March2011.pdf
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น