Comments system

[blogger][disqus][facebook]

วันพุธที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เทศกาลเลือกตั้งมาแล้วครับ

    
     ช่วงนี้ไม่มีอะไรจะมันส์ไปกว่าการหาเสียงเลือกตั้ง ตอนนี้รู้สึกว่าจะมีคนมาแสดงความรักกับเราอย่างมากมายเหลือเกิน แถวๆบ้านยิ่งคึกคัก ไม่รู้ว่ารถหาเสียงของใครบ้างวิ่งกันมั่วไปหมด ชาวบ้านที่มีรถกระบะก็เลยพลอยมีรายได้เสริมไปด้วย เรียกว่าช่วงนี้เศรษกิจชาวรากหญ้าได้รับการกระตุ้นอยางหนัก

     สำหรับผมเองก็ยังคิดไม่ออกว่าจะไปกาคะแนนลงช่องไหนดี เห็นทีคงต้องว่าตามเมียก็แล้วกัน เมียให้กาช่องไหนเราก็ไม่ควรไปขัดใจเธอ เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติเอาไว้ 555

     ครอบครัวของผมเป็นครอบครัวหลากสีครับ แต่ละคนก็มีความคิดทางการเมืองเป็นของตัวเอง บางคนเลือกเพื่อไทย บางคนเลือกประชาธิปัตย์ บางคน no vote และบางคนยังมึนอยู่ว่าจะเอาไงดี(ผมนี่ไง) เวลาคุยกันเรื่องการเมืองเหมือนมีสงครามย่อยๆในบ้าน คนกลางอย่างผมก็ได้แต่นั่งฟัง แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าเถียงกัน และก็ยังรักกันเหมือนเดิม

     ช่วงนี้มีพรรคการเมืองหนึ่ง ไม่บอกแล้วกันว่าพรรคไหน มาตั้งสำนักงานอยู่ตรงข้ามกับบ้านผม ตอนนี้เร่งติดกล้องวงจรปิด ติดไฟฟ้าซะสว่างเลย สงสัยกลัวใครมาปาระเบิดหรือเปล่าก็ไม่รู้ ผมก็ได้แต่หวังว่าจะไม่มีอะไรรุนแรงเกิดขึ้น เชื่อว่ายังไงคนไทยก็ไม่นิยมใช้ความรุนแรง เดี๋ยวค่อยมาดูกันว่าเราจะได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี

วันพุธที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

น้ำใจที่น่ายกย่อง


     วันก่อนได้อ่านข่าวเกี่ยวกับผู้ประสบภัยที่ประเทศญี่ปุ่น ได้ส่งหนังสือแสดงความขอบคุณ ต่อคนไทยที่ได้ส่งความช่วยเหลือไปยังประเทศญี่ปุ่น มีเนื้อข่าวดังนี้ครับ

"ตามที่​ได้​เกิด​เหตุ​แผ่นดิน​ไหว​และสึนามิ​ในประ​เทศญี่ปุ่น จน​ทำ​ให้มี​การสูญ​เสียชีวิต​และบาด​เจ็บ รวม​ถึง​เกิด​ความ​เสียหาย​เป็นจำนวนมาก ​โดยพระบรมวงศานุวงศ์ของ​ไทย​ได้พระราชทาน​ความช่วย​เหลือ​ในรูป​แบบต่างๆ  ตลอดจน รัฐบาล ​เอกชน ​และประชาชน​ไทย​ได้ร่วมกัน​ให้​ความช่วย​เหลือ​แก่​ผู้ประสบภัยจาก​เหตุ​ การณ์ดังกล่าว นั้น
ล่าสุด สถาน​เอกอัครราชทูต ณ กรุง​โต​เกียว ​ได้รายงานว่า ​ผู้ประสบภัยชาวญี่ปุ่น​ใน​เมืองคามาอิชิ จังหวัดอิวา​เตะ ​ได้ส่งหนังสือ​ไปยังสถาน​เอกอัครราชทูตฯ ​แสดง​ความขอบคุณ​และซาบซึ้ง​ในน้ำ​ใจของรัฐบาล​ไทยที่​ได้จัดส่งสิ่งของ​ เครื่อง​ใช้ที่จำ​เป็นสำหรับชีวิตประจำวัน​ไป​ให้ ถือ​เป็นสิ่งของล้ำค่า ​ทำ​ให้มีพลังสู้ชีวิตต่อ​ไป"

ที่มา กอง​การสื่อมวลชน กรมสารนิ​เทศ กระทรวง​การต่างประ​เทศ ​โทร. 643-5170 ​โทรสาร. 643-5169 E-mail

     ผมอ่านข่าวนี้ด้วยความรู้สึกปลาบปลื้ม ที่อย่างน้อยในภาวะที่ต่างคนต่างลำบาก คนไทยก็ยังมีน้ำใจช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ แม้จะมีหลายเสียงค่อนขอดว่า ทำไมไม่ไปช่วยชาวใต้ ทำไมไม่ไปช่วยคนยากจน ทำไม.....ทำไม...ทำไม...ฯลฯ

     ผมคิดว่าทุกคนเขามีสิทธิ์ที่จะส่งความช่วยเหลือ ให้แก่ใครก็ได้ที่เขาอยากจะช่วย มันเป็นการช่วยโดยบริสุทธิ์ใจ ไม่ใช่การระดมทุน เหมือนที่พรรคการเมืองของประเทศนี้ชอบทำกัน และผมเชื่อเหลือเกินว่าคนที่บริจาคช่วยชาวญี่ปุ่น ก็จะเป็นคนกลุ่มที่บริจาคช่วยชาวไทยเช่นกัน แต่ให้ตายสิ ผมยังไม่เห็นมีนักการเมืองคนไหนบริจาคเงินส่วนตัว เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย หรือผมตกข่าวไปเอง

วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ยุบสภาแล้วค่อยว่ากันใหม่


     ตอนนี้บ้านเราก็ได้ยุบสภาไปเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ทุกพรรคการเมืองก็คงดาหน้าหาเสียงกันอย่างหนัก ผมได้ฟังนโยบายของแต่ละพรรคแล้ว ส่วนใหญ่ก็เน้นแบบประชานิยมคล้ายๆกัน เอาเถอะน่า ยังไงก็คงจะมีอะไรใหม่ๆมาให้ประชาชนบ้างนะครับ ผมเองก็ชอบติดตามข่างการเมืองเหมือนกันครับ ผมว่ามันสนุกกว่าละครหลังข่าวอีกครับ แม้บางช่วงมันเลี่ยนไปบ้าง แต่ก็ยังพอรับได้

     ได้แต่หวังว่าประเทศของเราจะดีขึ้นกว่านี้ ผมเองก็ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ แต่ยังไงก็ดีกว่าไม่มีอะไรให้หวัง ชิมิ ชิมิ

วันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ไม่เร้าใจอย่างที่คิดสำหรับ เชน มอสลีย์

    
นั่่งดูมวยคู่(น่าจะ)หยุดโลก ระหว่าง แมนนี่ ปาเกียว กับ เชน มอสลีย์ แล้วบอกตรงๆว่าเซ็งนิดๆ อย่างว่าล่ะครับ มอสลีย์อายุก็ใกล้40แล้ว คงไม่ฟิตปั๋งเหมือนตอนหนุ่มๆ แต่ยังไงๆก็น่าจะมีชั้นเชิงกว่านี้หน่อยครับ พี่แกเล่นชกแล้วหนี ไม่ยอมปะทะด้วยเลย มวยคู่นี้ผมดูแต่ปาเกียวอย่างเดียว รู้สึกว่าเขายังแข็งแกร่งอยู่เหมือนเดิม ตอนนี้ผมก็รอดูแต่ว่าใครจะมาเป็นคู่ต่อกรกับปาเกียวเป็นคนต่อไป

วันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

แอบเล่าเรื่องของเพื่อน

    
     สมัยที่ผมเรียนมหาวิทยาลัย มีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง เธอเรียนคณะวิทยาศาสตร์สาขาเคมี ระหว่างเรียนเธอก็ทำงานไปด้วยครับ โดยเป็นลูกจ้างร้านขายยา ทำหน้าที่ทั่วๆไป เช่น จัดของ ทำความสะอาด นับยา และเรียนรู้การจ่ายยาไปด้วย

     พอเรียนจบเธอก็ทำงานที่ร้านยาอย่างเต็มตัว ผมเคยถามว่าทำไมไม่ไปสมัครงานอื่นๆล่ะ เธอบอกว่าเธอมีความฝันอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง และก็ชอบงานร้านขายยาด้วย ผมก็เลยไม่ได้ถามอะไรต่อ เธอทำงานจนได้เป็นผู้จัดการร้านประจำสาขาย่อย ถัดมาไม่กี่ปีก็รวบรวมเงินเปิดร้านยาเล็กๆของเธอเอง แล้วจ้างเภสัชกรมาทำงานขายยาให้ และเธอก็อาศัยรายได้จากร้านยาส่งตัวเองเรียนคณะเภสัชศาสตร์ ม.เอกชนแห่งหนึ่ง โดยหวังว่าเมื่อเรียนจบแล้วจะได้มาเป็นเภสัชกรประจำร้านของตัวเอง และได้ทำงานที่เธอรักต่อไป